
เวทีเล็กๆ กลางขุนเขาในจังหวัดนครนายกเมื่อวันที่ 8–9 ธันวาคม 2567 ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญให้ไรเดอร์จากกรุงเทพฯ รังสิต และลพบุรี ลุกขึ้นมาพูดถึงชีวิตการทำงานที่สังคมแทบไม่เคยมองเห็น นี่ไม่ใช่การชุมนุมใหญ่ ไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่อยู่บนหน้าข่าวรายวัน แต่คือการเริ่มต้นเรียนรู้ร่วมกันของแรงงานแพลตฟอร์ม เพื่อออกแบบระบบนิเวศสุขภาวะของตัวเองเป็นครั้งแรก
ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ด้านสุขภาวะแรงงานแพลตฟอร์ม โดยสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง และมูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ภายในวงสนทนา ไรเดอร์สะท้อนปัญหาที่เผชิญแทบทุกวัน ค่ารอบที่ลดลงอย่างไม่มีคำอธิบาย ระบบยิงงานที่ปรับโดยไม่บอกเหตุผล ปักหมุดผิดที่ทำให้ต้องเสี่ยงอันตราย และแรงกดดันจากอัลกอริทึมที่ไม่เคยเปิดเผยเงื่อนไขในความเป็นธรรม บางคนเล่าถึงการถูกคุกคามทางเพศ บางคนเคยถูกลูกค้าขอซื้อบริการทางเพศระหว่างส่งงาน และเมื่อแจ้งเหตุเพื่อป้องกันตนเอง กลับถูกแบนในระบบ ขณะที่ผู้ก่อเหตุไม่ถูกแตะต้อง สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ไรเดอร์จำนวนมากรู้สึกว่า ความปลอดภัยของพวกเขาไม่เคยถูกให้ความสำคัญเท่าความสะดวกของผู้ใช้บริการและผลกำไรของแพลตฟอร์ม เมื่อปัญหาถูกวางกลางวง การสนทนาก็ขยับลึกลงไปอีกชั้น
ไรเดอร์จำนวนไม่น้อยเริ่มเชื่อมโยงประสบการณ์ของตนเข้ากับโครงสร้างใหญ่ ที่ทำให้การต่อรองของแรงงานกลุ่มนี้ติดอยู่ในมุมมืด หลายประเด็นสะท้อนไปถึงสถานะทางกฎหมายที่ไม่ชัดเจน ที่ทำให้ไรเดอร์ถูกจัดว่าเป็น “ผู้ประกอบการอิสระ” ทั้งที่ทำงานภายใต้กฎ ค่ารอบ และอัลกอริทึมที่ควบคุมเข้มข้นเหมือนลูกจ้างแต่ไม่ได้รับหลักประกันพื้นฐานแบบลูกจ้าง หลายเสียงลามไปสู่โครงสร้างการเมืองรวมศูนย์ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ทำให้แรงงานรวมกลุ่มต่อรองได้ยาก และเปิดทางให้บริษัทแพลตฟอร์มขยับปรับกติกาได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม แต่ภาพนครนายกไม่ได้มีแต่ความหนัก เพราะเมื่อไรเดอร์ได้ฟังกันและกัน
ความหวังเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน ลพบุรียืนยันว่าสามารถรวมไรเดอร์ทุกค่ายได้ หากมีเป้าหมายร่วมเริ่มจากสิ่งเล็กๆ เช่น สติกเกอร์สื่อสาร การเข้าถึงเพื่อนร่วมอาชีพและการทำสัญลักษณ์ร่วมเพื่อให้คนทำงานที่กระจัดกระจายรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ส่วนรังสิตเสนอการทำ “Rider Center” พื้นที่พบปะ พักรถ พักใจ และใช้เป็นสถานที่สร้างความรู้เรื่องสิทธิแรงงาน ก่อนประกาศเป้าหมายชัดเจนว่า ต้องการขยายสมาชิกให้ได้ 500 คนในปีหน้า เพื่อสร้างฐานพลังที่สามารถเจรจากับแพลตฟอร์มและรัฐได้มากขึ้น
การสนับสนุนจากภาคประชาสังคม สหภาพ และนักวิชาการ ทำให้ไรเดอร์เห็นว่าการต่อสู้ของพวกเขาไม่จำเป็นต้องเดินลำพังเมื่อมองภาพรวม เวทีนครนายกทำให้ชัดเจนว่า ปัญหาของไรเดอร์เป็นทั้งปัญหาเชิงสุขภาวะและปัญหาเชิงโครงสร้าง การขับมอเตอร์ไซค์ท่ามกลางการจราจรและสภาพอากาศเป็นเพียงส่วนปลาย ส่วนต้นทางคือระบบอัลกอริทึมที่ควบคุมงาน นโยบายรัฐที่เอื้อกับแพลตฟอร์มมากกว่าแรงงาน และโครงสร้างการเมืองรวมศูนย์ที่ทำให้แรงงานแบบกระจัดกระจาย ไม่สามารถรวมพลังต่อรองในแบบที่ควรเป็นการวิเคราะห์เหล่านี้ไม่ได้เพียงให้คำอธิบาย แต่กลายเป็นฐานความเข้าใจที่ไรเดอร์จะใช้วางแผน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยขึ้น และมีศักดิ์ศรีมากขึ้น
ก้าวเล็กๆ ในเวทีนครนายกอาจไม่เปลี่ยนระบบในทันที แต่สิ่งที่เห็นชัดคือไรเดอร์เริ่มตั้งคำถามที่สังคมไม่เคยถาม เริ่มเห็นว่ากติกาแรงงานในเศรษฐกิจดิจิทัลสามารถเปลี่ยนได้ และเริ่มออกแบบระบบนิเวศสุขภาวะของตนเอง ด้วยความรู้ ด้วยการรวมพลัง และด้วยการยืนยันว่าพวกเขาคือแรงงานไม่ใช่เงาที่พลุกพล่านอยู่ตามท้องถนนเพราะเมื่อเสียงของไรเดอร์เริ่มดังขึ้น คำถามที่ตามมาคือ ประเทศนี้จะปล่อยให้คนทำงานที่แบกรับความเสี่ยงมากที่สุด ยังคงไร้หลักประกัน และไม่มีที่ยืนในระบบแรงงานต่อไปหรือไม่ คำตอบอาจยังมาไม่ถึงในเร็ววัน แต่ก้าวแรกในนครนายกทำให้เห็นชัดว่า อนาคตของแรงงานแพลตฟอร์มไทย จะไม่ถูกกำหนดโดยรัฐและบริษัทฝ่ายเดียวอีกต่อไป
รายงานข่าวและบทวิเคราะห์
กฤษฎา บุญชัย
มูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา







