บันทึก กิจกรรมการแถลงข่าว ค่าไฟต้องแฟร์: ข้อเสนอภาคประชาสังคม และเอกชนถึงรัฐบาลใหม่

Share Post :

วันพฤหัสบดี 10 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00 – 14.30 น.
ณ ห้องเอนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

ดำเนินรายการ โดย ผศ.ชล บุนนาค ผู้อำนวยการ SDG Move

1.นางสาวสฤณี อาชวนันทกุล
หัวหน้าทีมวิจัย Fair Finance Thailand
เครือข่ายแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรม ประเทศไทย

  1. Fair Finance Thailandเป้าหมายหลักคือ ทำอย่างไรให้สถาบันการเงินไทยมีนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่สอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันรวมถึงพลังงานที่ยั่งยืนด้วย ในการประเมินธนาคาร มีคำถามเรื่องเกณฑ์พลังงาน เช่น Climate Change คาดหวังให้ธนาคารประกาศเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในการให้สินเชื่อต่าง ๆ จึงเป็นที่มาส่วนหนึ่งของการผลักดันการธนาคารที่ยั่งยืน และเหตุที่ร่วมขับเคลื่อนเรื่องพลังงาน เพราะเรามีสมาชิก International River ติดตามเรื่องทุนและความรับผิดชอบการพัฒนาแม่น้ำโขง จึงจัดทำข้อเรียกร้องความรับผิดชอบต่อการพัฒนาแม่น้ำโขง เขื่อนขนาดใหญ่ที่สร้างโดยบริษัทไทย คือเขื่อนไซยะบุรี เขื่อนหลวงพระบาง และจะขายไฟให้ไทยด้วย ทั้ง ๆที่ เรามีไฟเกินแล้ว และยังมีความเสี่ยงสูงมากเรื่องผลกระทบข้ามพรมแดน ที่อาศัยช่องว่างกฎหมาย
  2. เราเรียกร้องให้หยุดลงนาม PPA และการเปิดเสรี ระบบส่งไฟฟ้าให้มีสัญญาซื้อขายเสรี และเป็นธรรม Fair Competition (ข้อเรียกร้อง ข้อ 1 และ 4) ปัญหาจริง ๆ ที่พบคือโครงสร้างพลังงานหลายสิบปีที่ผ่านมา เดิมอาจจำเป็นต้องรวมศูนย์ แต่พิสูจน์แล้วว่าล้าสมัยโดยเฉพาะกับสถานการณ์ Climate Change และผลกระทบที่ผู้บริโภคทั้งหมดเพราะเป็นผู้จ่ายค่าไฟบนฐาน Contract capacity ที่รัฐทำสัญญาไว้ ไม่ใช่ฐานการผลิตจริง (Dependable capacity)
  3. รวมศูนย์ ผูกขาดทั้งด้านผู้ผลิต เช่น จะใช้พลังงานหมุนเวียน ก็ใช้วิธีการคัดเลือก กำหนดราคา ไม่ใช่การแข่งขันว่าใครเสนอราคาต่ำสุด
  4. ล้าสมัย ไม่รับแนวคิดใหม่ ๆที่ให้ผู้บริโภคผลิตไฟฟ้าได้ อ้างว่าพลังงานหมุนเวียนไม่ dependable ทั้งๆ ที่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ พร้อมแล้ว และไม่รับฟังความเห็นประชาชน
  5. ไม่มีกลไกรับผิดใด ๆ (accountability)
  6. การพยากรณ์การใช้ไฟฟ้าเกินจริงมาหลายสิบปี ชัดเจนว่ากำลังไฟสำรองมากเกินจริง ดังในช่วงโควิด19 การใช้ไฟน้อยลง

2.นายอาทิตย์ เวชกิจ
บริษัท Neo Clean Energy
กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

  1. ผมเป็นวิศวกรไฟฟ้า เคยทำงานด้านไฟฟ้า ทำงานมาหลายหน่วยงานทั้งภาคเอกชน และราชการ ปกติคนทำธุรกิจภาคเอกชนต้องระมัดระวังตัว ไม่ออกตัวมาก แต่วันนี้มาเพราะมีแรงบันดาลใจจากหลายท่านตรงนี้ เห็นความจริงจังเต็มที่ในการทำงาน อย่างไรก็ดี ระมัดระวังไม่กระทบเพื่อนร่วมงานด้วย
  2. วันนี้มี 2 เรื่องสำคัญ คือ Net-metering การติดตั้งพลังงานสะอาด เพราะเรามี Zero export (กฏห้ามไฟฟ้าไหลย้อนกลับเข้าสู่ระบบสายส่ง) โดยเฉพาะโซลาเซลล์ ประเทศไทยทิ้งการลงทุนพลังงานสะอาดไป 15-20 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นสัญญาที่ขายให้ภาครัฐ ชาวบ้านโรงงาน และอาคารพาณิชย์ต่าง ๆ

“ทุกวันนี้ ทั้งประเทศทิ้ง (ไฟจากโซลาร์บนหลังคาที่ผลิตได้และไม่ได้ใช้) ไปเป็นพัน ๆ เมกะวัตต์ชั่วโมง (หน่วย) คุณ 4 บาทเข้าไป ปีหนึ่งก็หลายพันล้าน เราทิ้งกันจริง ๆ แล้วเราก็ยังนำเข้าพลังงานฟอสซิลจากต่างประเทศเข้ามาอยู่ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น้ำตาซึม เสียหาย เสียดาย และก็ต่อสู้กันมานานมาก”

“เราพยายามผลักดันเรื่องการรับซื้อไฟส่วนเกินกลับเข้าไปในระบบ ถึงเวลาตอนเย็นแดดหมด เรากลับบ้านเปิดแอร์ เอาไฟนั้นกลับมาใช้ ความสูญเสียน้อยมาก ในแง่เทคนิค ในแง่การลงทุน ในแง่การเงิน มันเป็นประโยชน์กับประเทศมาก ๆ เราไม่ควรทิ้งไฟสะอาดนั้น นำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

  • เรื่องพลังงานไม่ใช่เรื่องแคบๆ มันเชื่อมไปเรื่องโลกร้อน ตอนนี้สังคมเชื่อโลกร้อนจริง และต้องแก้ปัญหาให้ได้ ประเทศไทยเป็นอันดับ 9 ที่จะได้รับผลกระทบจากโลกร้อน เราต้องเชื่อว่าเราเป็นหนึ่งในผู้นำที่จะแก้โลกร้อนได้ ไม่ใช่ถูกบังคับให้ทำ พลังงานสะอาดเป็นเรื่องสำคัญ เราจะทำเพื่อลูกหลานเรา กรุงเทพจะอยู่ได้อีกกี่ปี เพราะน้ำจะท่วม สภาพอากาศแปรปรวนมีหลักฐานชัดเจนมาก การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าโลกร้อนเป็นเรื่องจริง เพราะฉะนั้นหากเราทำสำเร็จจะสำเร็จในหลาย แองเกิลมาก ๆ จะมีประโยชน์มาก
  • เราต้องช่วยกันยืนยันว่า จะต้องลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น เพราะปัญหาค่าไฟฟ้าแพงทำให้อำนาจการแข่งขันตกลง และในวงการอุตสาหกรรม วงการส่งออก วงการท่องเที่ยว เพียง 7 ปีก็จะใกล้ตาย เพราะผู้ซื้อทั้งโลกมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์จริงจังเรื่องการปล่อยคาร์บอน เขาจะไม่ซื้อ ไม่มาเที่ยว ไม่สั่งของผลิตในประเทศที่ใช้พลังงานไม่สะอาด เขาปิดโรงงานย้ายไปประเทศที่พลังงานสะอาดกว่า ดังนั้นหากผลิตในประเทศลดลง ทำให้การส่งออกลดลง จะเกิดหายนะมากมาย มีผลกระทบต่อเนื่องมากมาย (consequence)
  • แผนพลังงาน และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แผนพลังงานควรฟังประชาชนให้มาก ๆ ก่อนจะสรุปผลออกมา เราต้องการ review ขั้นสุดท้ายว่าเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็นหรือไม่ ก่อนจะไปเข้า ครม.อนุมัติออกมา
  • เราเห็น เราเข้าใจ เราติดต่อกับต่างประเทศมีความรู้มากว่า การผลิตพลังงานสะอาดมีความพร้อมมากๆ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคอุตสาหกรรม ภาคท่องเที่ยว มีความรู้มากพอสมควร และให้ความคิดเห็นกับภาครัฐได้ แต่ภาครัฐรู้แต่ไม่ทำ หรือทำโดยไม่รู้ก็ตาม สิ่งสำคัญคือการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
  • แต่ปัญหาต่อมาคือ รับฟังแล้วอย่างไร ทำอะไรต่อ มีอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีงานศึกษาเรื่อง พ.ร.บ.กคพ.  แต่เราไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรหลังจากนั้น มีการรับฟังความคิดเห็นประชาชน แผนพลังงานชาติประกอบด้วย 5 เสาหลัก PPP การผลิตไฟฟ้า พลังงานสะอาด ประสิทธิภาพพลังงาน เป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ ถูกเพิกเฉยมาเป็น 10 ปี ฯลฯ คิดว่าการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนสำคัญมากๆ และกังวลมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากรับฟังไปแล้ว แผนออกมาแล้ว เรามีความเห็นปรับเปลี่ยนไม่ทันแล้วต้องอยู่ตามแผนนี้อีก 4 ปี ดังนั้น เราเสนอว่า พยายามรณรงค์ว่า แผนพลังงานควรฟังประชาชนให้มาก ๆ ก่อนจะสรุปผลออกมา เราต้องการ review ขั้นสุดท้ายว่าเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็นหรือไม่ ก่อนจะไปเข้า ครม.อนุมัติออกมา เรื่องแผนพลังงานที่ผ่านมาอยู่ในวงแคบ ๆ วงเล็ก ๆ ผลลัพธ์ออกมาน่าสพรึงกลัวพอสมควร เราอยู่แบบนี้มานานมากแล้ว

3.นางสาวบุญยืน ศิริธรรม
ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภค:
ไม่แฟร์อะไรบ้าง เรื่องสำคัญคือทำให้ก๊าซราคาแพง

  1. ขอเป็นตัวประชาชนจากชนบทที่ไม่สยบยอมกับความอยุติธรรม ทำงานมาต่อเนื่องหลายสิบปีจนปัจจุบัน
  2. ค่าสาธารณูปโภคเป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐาน แต่ถูกทำให้ซับซ้อน เข้าใจ เข้าถึงยาก แต่บังคับผู้บริโภคมีหน้าที่จ่ายเท่านั้น ค่าไฟ ค่าก๊าซ ปัญหาต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ เพราะผู้มีอำนาจปากบอกรักประชาชน แต่ออก กม.และทำเพื่อนายทุน  ตามภาษิตโบราณ คือมือถือสาก ปากถือศีล ทำให้ “คนไทยแบกราคาพลังงานหลังอาน มาถึงทุกวันนี้” เสนอว่าต้องทำให้โครงสร้างพลังงานเป็นธรรม
  3. ค่าไฟแพงเพราะค่าก๊าซแพง เมื่อมีการขุดเจาะก๊าซได้บอกว่าประเทศไทยโชตช่วงชัชวาล แต่ไม่จริงเลย
  4. มีการลอยตัวราคาก๊าซอิงราคาประเทศซาอุดิอาระเบีย ทำให้คนทั้งประเทศใช้ก๊าซราคาแพง รวมทั้งค่าไฟ
  5. ก๊าซให้ปิโตรเคมีใช้ก่อน ราคาถูกกว่า และไม่เสียภาษี เช่น ผลิตพลาสติก แต่ กฟผ.ซื้อแพง ทำให้ค่าไฟแพง
  6. กฎหมายเอื้อนายทุน แต่บังคับประชาชนจ่าย ค่าไฟจึงไม่แฟร์ตั้งแต่ค่าก๊าซ
  7. หน่วยงาน คณะกรรมการต่าง ๆทำตามนักวิชาการที่อิสระจากประชาชน เข้าข้างกลุ่มทุนเต็มที่ รัฐบาลฉลาดมากจึงทำตามนักวิชาการ
  8. ปัญหาไฟฟ้าล้น เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา ช่วงหนึ่ง เสนอเรื่องให้วุฒิสภาฯ บอกว่าไม่จริง รัฐมีอำนาจลงนามซื้อขายไฟฟ้า โรงงานไฟฟ้าไม่ผลิต แต่เป็นภาระรวมในค่าไฟฟ้า ผูกคอประชาชนแบกรับภาระ แต่เข้าข้างนายทุน
  9. ประชาชนผู้บริโภค ใช้ของแพงได้ แต่ต้องแฟร์
  10. กฟผ.พาประชาชนไปดูงานพลังงานทางเลือก ไปจบที่ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ไม่มีทางเลือกอื่นๆ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์หากดีจริงให้สร้างในกรุงเทพฯ จะไม่คัดค้าน
  11. ศาลยุติธรรมก็ไม่แฟร์ กรณี คปพ.ทำเรื่องพลังงานที่เป็นธรรม ทั้งเรื่องกองทุนน้ำมัน และราคา ถูกฟ้องปิดปากหมด ศาลไทยรับฟ้อง แต่ คปพ.ฟ้องกลับ ศาลไม่รับฟ้อง
  12. กองทุนน้ำมัน เก็บเงินประชาชนลิตรละ 25 สตางค์ ไม่ได้ใช้รักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน แต่เอาไปจ่ายชดเชยค่าก๊าซ

“พวกที่มีนโยบายผิดพลาด ไม่เคยเอาเงินในวงศ์ตระกูลมัน โคตรพ่อโคตรแม่มาจ่าย มันให้เราจ่ายอย่างเดียว”


4.นางสาวสฤณี อาชวนันทกุล หัวหน้าทีมวิจัย

มีความคืบหน้าเล็ก ๆ ที่ควรช่วยกันติดตาม คือ คณะกรรมการกำกับพลังงาน (กกพ.) มีหนังสือถึง รมต.พลังงาน เดือนเมษายน 2566 เรื่องแนวทางลดราคาค่าก๊าซธรรมชาติเพื่อลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชน ยอมรับว่าทุกวันนี้โครงสร้างขายส่งก๊าซ ระหว่าง ปตท.กับ โรงแยกก๊าซ ใช้ราคาเฉลี่ยราคาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย จึงมีราคาถูก ส่งผลให้โรงแยกก๊าซได้สิทธิใช้ก๊าซต้นทุนราคาถูก กกพ.เสนอการบริหารจัดการเพื่อประโยชน์สูงสุด และเป็นธรรม เสนอให้ปรับราคาก๊าซธรรมชาติเข้าและออกจากโรงแยกก๊าซ ให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ใช้ราคา pool gas  คือราคารวมก๊าซจากแหล่งอื่น ๆ ด้วย จะส่งผลให้ราคา pool gas  โดยรวมลดลง และเป็นวิธีให้ ปตท.บริหารจัดการวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


5.นายอธิราษฎร์ ดำดี
ตัวแทนเกษตกรกรสวนปาล์ม
และผู้ประกอบการ SMEs ปาล์ม จ.กระบี่

  1. มุมมองประชาชนผู้ใช้ไฟ และเสียค่าไฟ รู้สึกสิ้นหวังในการต่อสู้ เพราะต่อสู้ด้วยตนเองมานาน แต่วันนี้มีความหวัง
  2. เกษตรกรรายย่อย พยายามพึ่งพาตนเองมาก

“เราถูกเลี้ยงดูแบบถีบส่ง”

  • ด้านเทคโนโลยี เราทำโซล่าเซลล์ใช้เอง ผลิตไฟฟ้า เป็นอิสระ จะเชื่อมหรือไม่เชื่อมต่อกับ GRID ก็ได้
  • ผลิตไฟฟ้าขายไฟได้ แต่ราคาไฟขายกลับไป 2.20 บาทถูกกว่าราคาไฟที่ซื้อมาใช้
  • ปัญหาสะท้อนว่า เรายังไม่มีรัฐบาลที่เป็นตัวแทนประชาชนแท้จริง วันหนึ่ง ความกดดันทำให้เกิดกบฎ คนจะพึ่งพาตัวเองทั้งหมด ดังนั้นจะต้องมีองค์กรตัวแทนภาคประชาชน
  • ภาคเกษตร จังหวัดกระบี่ มีการพึ่งตัวเองด้านพลังงานในครัวเรือนแล้ว
  • ภาคการท่องเที่ยว ทุ่งหยีเพ็ง เกาะลันตา จ.กระบี่ มีเรือโซล่าเซลล์ติดบนหลังคา ชุมชนไม่มีมลภาวะ ชาร์ตไฟ 20-25 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องวิ่งเร็ว ชมวิว และชาร์ตไฟที่ท่าเรือได้

6.นายชนสรณ์ เฉียบเอี่ยมเชาวน์
บริษัท ดอท ทู ดอท แอนด์ โค จ.ระยอง

  1. ค่าไฟต้องแฟร์ สำหรับคนระยองมี 3 ประเด็นสำคัญคือ
  2. เรื่องค่าไฟ เป็นเรื่องเศรษฐกิจ ผมจ่ายค่าไฟ 2 บิล บิลบ้าน และบิลสถานประกอบการ ในบิลจะเห็นค่าไฟ side way ไป 2-3 เดือน แล้วพุ่งขึ้นไป แล้วก็ side way คือมันจะขึ้นไปโดยเราไม่ทันรู้ตัว
  3. เรื่องสุขภาพ ได้ลงไปเก็บข้อมูล ใช้ตัวจับสารวีโอซี (VOC -Volatile organic compounds) สารนี้เหมือนสารระเหยง่าย เช่น น้ำมันเบนซิล ได้พบว่าค่าเฉลี่ยเกินค่ามาตรฐานแล้ว แปลว่าคนระยองรอบ ๆ โรงงานที่สูดดมเข้าไปได้รับสารนี้ด้วย ซึ่งมีตัวเลขผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็วปอดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี

“จริง ๆ ไม่ได้ยากอยู่ร่วม แต่โรงงานมา เรารู้ตัวอีกที คือแจ้งทราบ จะตั้งแล้ว จะถามทะเลเพิ่มแล้ว เราไปรับฟัง เหมือนที่พี่อาทิตย์บอกว่ารับฟังแล้วอย่างไรต่อไป ไม่มีกระบวนการสื่อสารกลับมา”

  • ระยองเป็น Terminal โรงแยกก๊าซ แต่ยังมีกลุ่มคนไม่มีไฟฟ้าใช้ และเกี่ยวเนื่องกับเรื่องการรุกล้ำพื้นที่ของนายทุน ชื่อชุมชนคาเซ แต่มีไฟฟ้าใช้โดยเครือข่ายช่างโซลาเซลล์ชุมชน ไปติดตั้งโซลาเซลล์ให้ใช้ไฟ 5-6 ครัวเรือน

“ระยองเหมือนเมืองปลั๊กสามตาของแอลเอนจี เป็นสารสำหรับผลิตไฟฟ้า ผลิตพลาสติก กระบวนการทำให้ร้อนทำให้เย็น ยังไม่พูดถึงคาร์บอนฟุตปรินท์ แต่ยังมีบางชุมชนไม่มีไฟฟ้าใช้”

  • ไฟฟ้าถูกทำให้ประชาชนเป็นเพียงผู้ใช้ไฟเท่านั้น เราไม่มีส่วนกำหนด จะดับ หรือจะตก หรือจะเกิน
  • ประชาชนมีความพร้อมเรื่องเทคโนโลยี มีช่างชุมชน และนักวิชาการ เช่น โซลาเซลล์ แต่รัฐไม่ adopt ไม่จริงจังกับระบบพลังงานหมุนเวียน จึงเปรียบเป็นการผลักนวัตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาหลาย ๆ อย่างของคนในพื้นที่ออกไป  

7.ดร.กฤษฎา บุญชัย
สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา

  1. สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ร่วมทำงานกับเอ็นจีโอ ในมิติเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และชุมชนเครือข่ายต่าง ๆที่ได้รับผลกระทบจากโครงการต่าง ๆ
  2. เรื่องโลกร้อนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างพลังงาน จึงรวมกลุ่ม Thai Climate Justice for all เพื่อปฏิรูปโครงสร้างไฟฟ้า หากไม่มีการปฏิรูปโครงสร้างพลังงาน  lost and damage ก็แก้ไขไม่ได้ หรือประชาชนประหยัดพลังงานก็ยังช่วยไม่ได้
  3. สถานการณ์สำคัญ คือ อุณหภูมิโลกสูงถึง 1.5 องศาเซลเซียส แล้ว ซึ่ง IPCC เคยเตือนว่าต้องไม่ถึงใน คศ. 2100 หมายความว่าเราเข้ายุคโลกเดือดแล้วช่วงระยะประมาณ 100 ปี ซึ่งจะแก้ไขไม่ได้หากระบบพลังงานของประเทศไม่เปลี่ยนอย่างฉับพลัน โครงสร้างพลังงานของโลก จาก The Guardian โลกเรายังพึ่งพลังงานฟอสซิล 83 เปอร์เซนต์ ส่วนพลังงาน Renewable โตน้อยกว่าพลังงานฟอสซิล
  4. ปัจจุบันประเทศไทยพึ่งพลังงานฟอสซิล 6-70 เปอร์เซนต์ โดยร้อยละ 70 ของก๊าซเรือนกระจกของโลกมาจากการผลิตพลังงาน พลังงานฟอสซิลเพื่อการผลิตไฟฟ้า และภาคขนส่ง ดังนั้นจึงต้องแก้ปัญหาพลังงานเพื่อกอบกู้โลกร้อน ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1 เปอร์เซ็นต์ของสัดส่วนโลก แต่เป็นอันดับ 20 ของโลก จึงเป็นอันดับต้น ๆ ดังนั้น ความไม่แฟร์ คือ ไม่แฟร์ต่อโลกด้วย ไม่เพียงต่อผู้บริโภคเท่านั้น ดังที่ชุมชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าก๊าซ โรงไฟฟ้าขยะ และโครงการเขื่อน
  5. การพยากรณ์เป้าหมาย ในแผน PDP เป็นมายาคติ ให้ประชาชนเชื่อว่าประเทศจะต้องมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า เป็นการพยากรณ์เกินจริง และซ่อนผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจพลังงาน เมื่อเทียบกับแผนเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกประเทศไทย เป้าหมายลด 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นการพยากรณ์เกินจริงเช่นกัน ปัจจุบันเราปล่อยก๊าซเรือนกระจก 360 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ อีก 7 ปีข้างหน้าเราจะปล่อย 555 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ จึงเป็นไปไม่ได้ในสภาวะเศรษฐกิจไทย เมื่อเป้าหมายลด 40 เปอร์เซ็นต์ จึงเท่ากับ 330 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ นั่นเอง จึงไม่แตกต่างกับปัจจุบัน สรุปว่าไม่ต้องทำอะไร ปล่อยโรงไฟฟ้าทั้งหมดทำงานเท่าเดิม ทั้งก๊าซ ถ่านหิน เขื่อน และบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality แล้ว
  • การกล่าวอ้าง สีเขียว ยั่งยืน คาร์บอน
  • มีโรงไฟฟ้าของบริษัทไทยลงทุนที่หงสา และลาว อ้างว่าเป็น Carbon Neutrality จะบรรลุเป้าหมาย Net-metering Zero เป็นต้น แต่เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ และก๊าซธรรมชาติ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อย รวมทั้ง ปตท.กำลังจะเป็น HUB ระดับเอเชีย มีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ร่วมลงทุน ดังนั้นมีการเติบโตมาก ทำให้แผนลดก๊าซเรือนกระจกไม่มีทางเป็นจริง
  • กลุ่มบริษัทในประเทศลาว ผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำขายไฟให้ต่างประเทศ 47 เปอร์เซ็นต์ (Engine Decarbonizing machine) ไม่ได้บอกว่าต้นทุนไฟฟ้ามาจากธรรมชาติ และชุมชน ขายไฟในราคารวมคาร์บอนเครดิต เป็นธุรกิจพลังงานที่ไม่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก
  • ไม่แฟร์ คืออะไร
  • ใครต้องจ่ายสิ่งที่ไม่แฟร์ ผู้บริโภคเสียค่าไฟแพง
  • ผู้ประกอบการต้องแบกภาระต้นทุนสูง
  • ประชาชนทั่วไปได้รับผลกระทบจากมลพิษจากโรงไฟฟ้าก๊าซ โรงไฟ้ฟาขยะ เป็นต้นทุนด้านสุขภาพ
  • ชุมชนใกล้โรงไฟฟ้า เช่น โรงไฟฟ้าขายไฟฟ้าให้ไทย ชุมชนริมน้ำโขงได้รับผลกระทบจาก ต่อระบบนิเวศน์ เศรษฐกิจ และสังคม
  • ต้นทุนที่ภาครัฐต้องแบกรับด้วย ค่าโง่จากสัญญาไม่เป็นธรรม ค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูระบบนิเวศน์
  • สรุปแถลงการณ์ 5 ข้อ
  • หยุดลงนามโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ PPA เพราะเรามีพลังงานสำรองมากเกินไป และทำให้เกิดต้นทุนก๊าซเรือนกระจก เป็นสาเหตุของโลกร้อน
  • นโยบาย Net-metering หรือระบบหักลบหน่วยไฟฟ้า กับพลังงาน เพื่อเปิดให้ประชาชนขายไฟ พึ่งตนเองได้ไม่ต้องพึ่งไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิล เช่น ประชาชนสามารถซื้อไฟฟ้าจากพี่อธิราษฎร์ ดำดีจ.กระบี่
  • ปัญหาโลกร้อน Climate Change อยู่รอบตัวเรา แต่โจทย์สำคัญคือการปรับโครงสร้างพลังงาน โดยรูปธรรมข้อสำคัญที่สุดคือ ค่าไฟต้องแฟร์ แฟร์ต่อสิ่งแวดล้อม ต่อผู้บริโภค ต่อสุขภาพ ต่อระบบนิเวศน์ และคนรุ่นต่อไป

ช่วงคำถามจากห้องประชุม

  • ผมใช้ค่าไฟแพง เพราะ FT เพราะรัฐบาลไม่คุ้มครองประชาชน เสนอทำฟาร์มโซล่าเซลล์ในทะเล ป้องกันดินแห้งแตก เพราะความร้อนจากโซลาเซลล์
  • (ผู้หญิง) สื่อเงียบมาก ทั้ง ๆ ที่ประชาชนได้รับผลกระทบมาก เสนอ 2 ประเด็นสำคัญ คือ หนึ่ง กลุ่มทุนพยายามปิดปากประชาชน ถูกฟ้องเยอะ เสนอรวมกลุ่มช่วยเหลือกันด้านกฎหมาย และจะได้ส่งผลกดดันเรื่องค่าไฟแพงด้สอง เมื่อปี 2559 ราคาก๊าซตลาดโลก 2-3 เหรียญ ค่าเงินบาท 35-36 บาท ตอนนั้นราคาก๊าซ 270 บาท ค่าไฟถูกกว่าปัจจุบัน 1.31 บาท ค่าก๊าซถูกกว่าปัจจุบัน 130 บาท ไม่รู้ว่าได้บวก LNG หรือไม่ เป็นการไม่แฟร์

ช่วงวิทยากรฝากข้อเสนอ

  1. ดร.กฤษฎา
    ผิดหวังข้อเสนอทางนโยบายของพรรคการเมืองส่วนใหญ่ เพราะไม่ทำให้แฟร์ต่อระบบนิเวศ ผู้บริโภค และประชาชน แต่มีความหวังที่ประชาชนจะร่วมขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
  2. นายอธิราษฎร์
    กระบี่ มีปาล์มปีละ 3.5 ล้านตัน ทั้งประเทศจะมีมากขึ้นถึง 18 ล้านตัน เป็นน้ำมัน 3 ล้านตัน แต่เป็นน้ำเสีย 10 ล้านตัน น้ำเสีย 1 ตันสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 2 ยูนิต ดังนั้น 2 หมื่นล้านยูนิตผลิตไฟได้มากมาย แต่ไม่ได้นำมาผลิตพลังงาน คือผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ และไฟฟ้า แต่นโยบายหยุดการรับซื้อ ปัจจุบันจึงไม่มีไบโอก๊าซชีวภาพในภาคใต้ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
  3. นายชนสรณ์
    ไม่อยากรอรัฐบาลแล้ว ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อเพื่อทำให้ค่าไฟต้องแฟร์
  4. นางสาวบุญยืน
    รัฐบาลต้องมีทางเลือกให้ประชาชน ตอนนี้รัฐกุมอำนาจไว้ ไม่เปิดช่องทางให้ภาคประชาชน ประชาชนหาทางเลือกเอง เราติดโซลาเซลล์แล้ว ค่าไฟเดือนแรก 2 พันกว่าบาท เดือนที่สองเหลือ 89 บาท ต่อมา กฟภ.มาเปลี่ยนมิเตอร์ดิจิตอล ห้ามหมุนกลับ ทำให้ใช้ไฟฟ้าพันกว่าบาท ลดลง และเปลี่ยนมาใช้ระบบ TOU เหมาะสำหรับการชาร์ตรถไฟฟ้าช่วงกลางคืน พอได้กำไรบ้าง จ่ายค่าติดโซลาเซลล์ไป 1 แสนกว่าบาท นับว่าเป็นการกีดกัน จึงขอชวนประชาชนร่วมลงชื่อเพื่อรัฐบาลใหม่ หูตาสว่างขึ้น หลังจากมืดบอดมาหลายทศวรรษ
  5. นายอาทิตย์
    เรามืดแปดด้าน พยายามหาทางเปลี่ยนแปลง เพราะซีเรียสมาก หากไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงไม่เกิน 10 ปีนี้ มาเร็วมาก ไม่ต้องรอผลการเปลี่ยนแปลง แต่เราไม่แสดงตัวว่าต้องการเปลี่ยนแปลง จะเกิดหายนะแน่นอน เพราะคำสั่งซื้อมันเร็วมาก ที่ผ่านมาปัญหาน่ากลัวมาก มีรายละเอียดต้องคุยกันอีก ขอชวนประชาชนลงชื่อเพื่อเปลี่ยนแปลง
  6. นางสาวสฤณี
    ไม่ใช่ว่าเราทำอะไรไม่ได้ เราทำได้ คือรวมตัวกัน ขอเชิญชวนลงชื่อร่วมกัน เพื่อเปลี่ยนแปลงกระจายอำนาจ และการรับผิดของรัฐในเรื่องพลังงาน และทันสมัยคือสามารถสร้างการแข่งขันด้านพลังงานเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย

จบภาคเช้า 12.08 น.


ภาคบ่าย

1.อ่านแถลงการณ์
2.ผู้แทน 4 พรรคการเมือง รับข้อเสนอ และกล่าวแสดงความคิดเห็น ตอบข้อซักถาม

รอบแรก

1.พรรคเพื่อไทย นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ สส. เชียงใหม่

  1. สนับสนุนว่าค่าไฟต้องแฟร์
  2. นโยบายพรรคเพื่อไทย ตั้งบน 3 หลักการ คือ Affordability,  Security และ Sustainability สอดคล้องกับข้อเสนอวันนี้
  3. ราคาที่แฟร์ เราจะลดค่าไฟฟ้า เพราะราคาพลังงานคิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายครัวเรือน ขั้นตอนแรก คือระยะ 4 เดือนแรก และต่อเนื่องไป
  4. สนับสนุนเรื่อง Net-metering Metering แต่ต้องรอก่อน มีเรื่องที่ต้องทำเรื่องแบต Energy Storage ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บไฟ เรื่องการสร้างเครือข่าย smart grid ให้ถูกต้อง จะทำอย่างไรให้ กฟผ.ปล่อยเช่าได้ ที่ไม่ปล่อยเพราะอยู่ภายใต้กระทรวงมหาดไทยภายใต้ประเด็นความมั่นคง
  5. สนับสนุนการใช้พลังงาน Renewable ให้มากขึ้น เพราะสินค้าส่งออกจะถูกแบน ถูกมาตรการภาษีหากใช้พลังงานฟอสซิล
  6. สนับสนุนพลังงานโซลาเซลล์ ทำได้ คือ แหล่งเงิน soft loan ทำให้การขออนุญาติรวดเร็วขึ้น (single stop)
  7. ปัญหามลภาวะ เรื่องที่คนไม่คาดคิดคือการใช้ถ่านปรุงอาหารในครัวเรือนปิด
  8. เรื่องความมั่นคงพลังงานไฟฟ้า โดยทำให้ราคาต่ำกว่า 4.20 บาท เรื่อง PPA หลักการการเจรจาซื้อไฟฟ้าคือจะไม่ซื้อแพง เพราะส่งผลค่าไฟครัวเรือน บางอันสามารถทำให้ราคาต่ำลงได้ จะต้องแลกเปลี่ยน (trade off) กับผลกระทบสิ่งแวดล้อม เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินราคา 1.20 บาทถูกกว่า เป็นต้น
  9. ต้องดูแลใกล้ชิด การซื้อไฟฟ้าจากพม่าๆ ได้เงินไปซื้ออาวุธ เป็นปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน และการซื้อไฟจากกัมพูชา (Joint Development Area) แต่รัฐบาลขายแหล่งก๊าซไปหมดแล้ว บริษัทคนไทยจะต้องไปดูแลจัดการเพื่อประโยชน์สูงสุด
  10. ต้องมี Data Center เพื่อคำนวนการใช้ไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้ายังไม่ตรงความต้องการใช้จริง คือ ไม่มีตัวเลขปริมาณการใช้ไฟปัจจุบัน สมัยก่อน Peak load คือ 16.00 น. ปัจจุบันเลื่อนเป็น 20.00 น.เพราะโรงงานจำนวนหนึ่งติดโซลาเซลล์ ทำให้กำลังใช้งานช่วงบ่ายลดลง แต่ไม่รู้ว่าโรงงานผลิตไฟ และใช้งานเท่าไร

2.พรรคพลังประชารัฐ หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการขับเคลื่อนนโยบาย

  1. สนับสนุนข้อเสนอภาคประชาชน ผมเป็นภาคประชาชนมาก่อน
  2. Net-metering อยู่ในนโยบายพรรคต้องส่งเสริมแน่นอน
  3. เมื่อเอกชนทำโซลาเซลล์ผลิตไฟฟ้าราคาถูก โดยรัฐไม่ได้ลงทุนเลย แต่ต้องมาซื้อไฟฟ้าแพงจากรัฐอีก
  4. ไม่เห็นด้วยเรื่องต้องเสีย VAT กระทรวงการคลัง เพราะเป็นการฝากไฟที่ผลิตเกินในช่วงกลางวัน ไม่ใช่ขายไฟ เป็นการดึงไฟกลับมาใช้
  5. ไม่ซื้อไฟ เพราะไฟเกิน Over peak เท่ากับ 50 แสดงว่าถ้าไม่ใช่ช่วง Peak จะเกิน 60-70 เป็นความผิดของนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และเอาคนมีผลประโยชน์ทับซ้อนไปเป็นอนุกรรมการฯ PPP และนั่งในบริษัทพลังงานด้วย

“อยากเห็นไฟฟ้าขนาดเล็กของชุมชน แต่ไปเซ็นกับรายใหญ่ ไม่น่ารัก เพิ่งเซ็นไป ผมมาจากพลังประชารัฐ แต่อะไรไม่น่ารัก เราก็พูดตรงๆ ว่าควรแก้ไข เรื่องเซ็นไม่ควร”

  • ต้องฟังเสียงประชาชน เพราะประชาชนต้องรับผลกระทบจากการกระทำของรัฐทั้งหมด กรรมการชุดต่าง ๆ ไม่มีตัวแทนภาคประชาชนเลย มีแต่รัฐคิดกับกลุ่มทุน
  • นโยบายพลังงานมีปัญหาธรรมาภิบาลหนักมาก ซึ่งจะส่งผลให้แก้ไขปัญหาที่มีไม่ได้
  • มีกฎหมายให้ข้าราชการนั่งในเอกชนที่รัฐวิสาหกิจถือหุ้น และมี Conflict of Interest โดยถูกกฎหมายตั้งแต่ปีปฏิวัติปี 2549 ตาม พรบ.หลักทรัพย์ กำหนดว่า กรรมการต้องทำผลประโยชน์ให้บริษัทสูงสุด จึงต้องแก้ไขกฎหมายนี้
  • นายทุน ไปนั่งใน กกพ. จะต้องเว้นวรรค สามถึงสี่ปี
  • การ cross ตำแหน่ง หรือองค์กรที่มีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องกัน คนปิโตรเลียมไปดูไฟฟ้า ๆ มาดูปิโตรเลียม
  • ต้องมี Benchmark คุมค่าไฟ หากทำให้ค่าไฟแพง คือสอบตก
  • สนับสนุนก๊าซอ่าวไทยเพื่อคนไทย ปิโตรเคมีใช้มากเป็นเพราะการเมืองในอดีต การกำหนดต้นทุนก๊าซ หลักคิดคือ ทรัพยากรเป็นของปวงชนชาวไทย เสนอในกรรมาธิการๆ ไม่ยอมรับข้อเสนอนี้

3.พรรคก้าวไกล นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ 

  1. สนับสนุน 5 ข้อเสนอ และอยู่ในนโยบายพลังงานของพรรค
  2. การหยุดลงนาม PPA ต้องทำทันที เพราะอาจมีโรงไฟฟ้าถ่านหินระยะ 40 ปี เพราะราคาถูก ปัจจุบันสัญญาโรงไฟฟ้าในต่างประเทศเป็น capacity market ระยะ 5-7 ปี มีการทบทวนได้ว่าตอบโจทย์หรือไม่ และพรรคมีแผนจะเจรจา เพื่อลดค่าจ่ายเปล่า ๆ ในสัญญา Take or Pay (หากได้เป็นรัฐบาล)
  3. Net-metering เห็นว่าไม่ควรมี VAT เพราะประชาชนผลิตเพื่อใช้เอง ตามนโยบายของพรรค คือ Decentralization และ De-Manipulate
  4. PDP จากประสบการณ์การร่าง PDP ในต่างประเทศ ของไทยไม่เหมือนต่างประเทศ ประเด็นสำคัญ คือ ต้องเปิดเผยเกณฑ์ และการศึกษา ที่มาของ PDP เช่น ยังมีโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่ต่างประเทศไม่มีแล้ว ธนาคารที่ปล่อยกู้ก็ไม่สนับสนุนแล้ว และกระบวนการรับฟัง เช่น ประชาพิจารณ์ไม่ได้นำไปพิจารณาในการตัดสินใจ
  5. ต้องพัฒนาระบบซื้อขายใหม่ และเปิดตลาดพลังงานเสรี ตัวอย่างในต่างประเทศมี 5 ตลาด เช่น PJM California เป็นระบบที่เป็นกับธรรมทุกฝ่าย และสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน หากพลังงานถูกและดี จะได้ผลิตก่อน แต่รูปแบบการซื้อขายของไทยยังเป็นแบบ Take or Pay

“..บริษัทที่ได้ PPA แทบจะเป็นเสือนอนกิน แทบจะไม่มีความเสี่ยงที่จะแบกรับเป็นการผลักภาระให้ประชาชนแบกรับทั้งหมด ไม่ว่าจะผลิต หรือไม่ผลิต และเจอสภาวะ Over Capacity ต้นทุนที่เราจ่ายฟรี ๆให้โรงไฟฟ้าสูงมากในแต่ละปี..”

อย่างก็ดี นโยบายนี้ยังไม่สามารถทำได้ทันที จะเป็นนโยบายระยะกลาง -ยาว อาจจะต้องมีการศึกษาผ่านขั้นกรรมาธิการ เช่น จะต้องยกร่างแก้กฎหมายเพิ่ม ซึ่งพรรคก้าวไกลเตรียมร่างกฎหมายที่จะเสนอผ่านสภานิติบัญญัติแล้ว

  • การปรับโครงสร้างราคาใหม่ ปัญหาค่าไฟจากก๊าซราคาแพง เสนอให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในโครงสร้างราคา
  • พลังงานเพื่ออนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะว่าก๊าซธรรมชาติมีวันหมดไป เสนอตั้งคณะกรรมการศึกษา เช่น ไฮโดรเจน หรือการนำโรงไฟฟ้ามาเผาร่วม (Co-Firing) ถ่านหินเผาร่วมกับแอมโมเนีย, แยกโฮโดรเจนออกมาจากน้ำ
  • จะสนับสนุนทุกพรรคการเมือง หากมีนโยบายตรงกัน

4.พรรคไทยสร้างไทย นายปริเยศ อังกูรกิตติ ผู้อำนวยการกองสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ 

  1. จะไม่พูดปัญหาเรื่องเทคนิค ซึ่งมีการพูดกันมากแล้ว แต่เป็นปัญหาสื่อสารของภาครัฐ มีการสื่อสารแบบไม่ตรงไปตรงมา ข้อมูลอยู่ในหลุมดำ ประชาชนเข้าไม่ถึง ไม่ทราบ เช่น เรื่องสัญญา เรื่องกำลังการผลิต ทำให้ภาคประชาสังคม และหลายฝ่ายออกมาเรียกร้องกันมาก แต่ถูกฟ้อง รวมทั้งคณะทำงานของพรรค ไม่มีใครคุ้มครองปกป้องสิทธิการตรวจสอบผลประโยชน์สาธารณะของภาคประชาชน สรุปว่าปัญหาสำคัญคือระบบที่กลายเป็นหลุมดำ
  2. คำถาม เรื่องค่าไฟแพงเพราะไฟเกิน หากมีการเจรจา ใช้ Force Majeure (เหตุสุดวิสัยในสัญญา ที่จัดเป็นข้อยกเว้น) ได้ ควรจะลดตั้งแต่โควิด19 แต่ลดไม่ได้เพราะอ้างอิงยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่ การพัฒนาอุตสาหกรรม
  3. เรื่อง PPA พรรคไทยสร้างไทย มีนายปริเยศเป็นตัวแทนทำหน้าที่แทนประชาชน ส่งเรื่องฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กำลังเข้าสู่กระบวนการเปิดเผยสัญญา
  4. คำถาม เรื่อง Net-metering เห็นพ้องต้องกันหมดแล้ว ในรัฐบาลปัจจุบัน พูดกันในหลายกรรมาธิการนานแล้ว เรื่องสำคัญคือ รัฐบาลหน้าจะทำจริงหรือไม่
  5. เรื่องพัฒนาระบบซื้อ-ขายส่งไฟฟ้า เสนอว่าราคารับซื้อไฟจากครัวเรือนควรสูงให้คุ้มกับที่ภาคเอกชนได้ลงทุนไป
  6. คำถามเรื่องก๊าซธรรมชาติ เร็ว ๆ นี้ กกพ.อ้างว่าค่าก๊าซมีแนวโน้มสูงขึ้นเพราะก๊าซมีน้อย ใกล้หมดแล้ว เรื่องนี้เป็นหลุมดำที่สังคมไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นพรรคจึงพยายามให้เรื่องพลังงานออกมาจากหลุมดำ โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการ มีสิ่งไม่ชอบมาพากล
  7. ปัญหาภาคประชาสังคมขาดความเชื่อมั่นนโยบายลดค่าไฟฟ้าที่พรรคการเมืองหาเสียงก่อนเลือกตั้ง พรรคขอยืนยันว่า

“…ใครก็ตามที่เข้าไปเป็นรัฐบาล เข้าไปเกี่ยวข้องกับพลังงาน องค์กรใดก็ตาม ต้องทำให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลทั้งหมดเท่าที่จะให้ได้ เพื่อให้ภาคประชาสังคมเข้ามาต่อสู้ต่อได้ ยอมรับว่าภาคประชาสังคมไม่ได้หวังพึ่งนักการเมืองเสมอ เขาพร้อมสู้เอง แต่เราสามารถเป็นผนังปูน เป็นฉนวนไฟฟ้าให้ได้..”


รอบสอง

พรรคก้าวไกล นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ 

  1. เรื่องความเชื่อมั่นต่อนโยบายที่หาเสียงไว้ ประชาชนคือเจ้านายของพรรคก้าวไกล เราจะไม่ทำอะไรสวนมติประชาชน

“..คำพูดจะพูดอะไรก็ได้ ขอให้ดูที่การกระทำ”

พรรคก้าวไกลจะยังทำงานต่อไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน เช่น ยกร่าง พ.ร.บ. Energy Industry Act ตรวจสอบ Egat Act 1968 ซึ่งใช้มานานกว่า 50 ปี แต่หากเป็นรัฐบาล จะขับเคลื่อนด้วย กพช.เพราะนายกฯ เป็นประธาน

  • ได้จัดกลุ่มนโยบาย ระยะเร่งด่วน ระยะกลาง ระยะยาว
  • เรื่อง Gas Pricing ทำทันที การเจรจา PPA ทำผ่านขั้นกรรมาธิการได้
  • การบังคับใช้ Net-metering เพราะมีความพร้อมแล้ว
  • การเปิดตลาดพลังงานเสรี และสนับสนุน Green Energy เป็น End Goal จากทุกฝ่ายทั้งภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม เพื่อประโยชน์เศรษฐกิจโดยรวม ไม่เช่นนั้นจะถอนการลงทุนจากประเทศไทยใน 2-3 ปี พรรคก้าวไกลจะขับเคลื่อนด้วย กพช.หรือเสนอ หรือแก้ไข พ.ร.บ.ใหม่ เพื่อแยกอำนาจ แยก EGAT ออกจากการเป็น operator ถึงแม้ว่าอุปสรรคใหญ่ คือกลุ่มทุนมีพลังมหาศาล แต่พรรคก้าวไกลทำได้ เพราะไม่เจรจากับทุนผูกขาด

2.พรรคพลังประชารัฐ หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการขับเคลื่อนนโยบาย

  1. เรื่องตลาดเสรี เราควรได้คนผลิตไฟราคาถูกเข้าระบบมาก่อน เพื่อให้ค่าไฟราคาถูก แต่ไทยใช้ระบบประมูลและระยะยาวถึง 25 ปี จึงอาจเป็นช่องโหว่ให้เอกชนควบคุมการประมูล หรืออาจกำหนด TOR ให้คนราคาถูกกว่าเข้ามาไม่ได้

“..เป็นเกมที่กลุ่มทุนสามารถกำหนดได้ เป็นระบบอันตรายที่สุดแล้ว หากไม่เปลี่ยนเราตายแน่”

“..อยากเห็นแบบอเมริกา ค่าไฟจะเหมือนค่ายมือถือ เขาจะสอบถามเราทุกวันเลยว่า จะเปลี่ยนค่ายมั้ย …ผมอยากเห็นค่าไฟถูกจริง ๆของเราแพงเท่าไร ประชาชนรับไป ยังมีสูตรเงินเฟ้อ ค่าเงินเปลี่ยนแปลง ประชาชนรับไป ทำให้เอกชนไม่ต้องรับความเสี่ยงเลย ความเสี่ยงน้อยกว่าขายก๋วยเตี๋ยว..”

  • Master mind ต้องเปลี่ยนแปลง ต้องแก้ไขกฎหมาย เพราะมีการฟ้องปิดปาก ทำให้การต่อสู้สะดุดหมด

“..ผมเป็นคนแรก ๆ ที่ถูกฟ้องเมื่อพูดถึงปิโตรเลียม ถูกจับหลายคดี การฟ้องคือการปิดปาก ฝรั่งเรียกSLAPP ไม่ให้เราพูดเลย ผมโดนทั้งหน่วยราชการ กระทรวง บริษัทยักษ์ใหญ่ เชื่อมั้ย คดีซับซ้อนมาก ผมขอศาลว่า ขอว่าความเอง จะได้ไม่จน สุดท้ายชนะหมด แต่เหนื่อยมาก แล้วประชาชนจะไหวมั้ย ถ้าผมไม่สู้จะเหมือนสัญลักษณ์เสียไป ผมต้องสู้…”

“..ประเด็นคือ หากเขาฟ้องแพ่ง เขียนอะไรไม่จริงก็ได้ เราฟ้องไม่ได้ เพราะฟ้องเท็จไม่มี แต่หากอาญาเราฟ้องกลับไปได้ เพราะฉะนั้นเป็นขบวนการทอนกำลังเรา แม้จะฟ้องกลับก็ทอนกำลังเราเสียเวลา…”

  • พรรคพลังประชารัฐทำอะไรที่ผ่านมา
  • การแก้ปัญหาพลังงานสำเร็จต้องมี 3 อำนาจคือ สำคัญที่สุดคือนายกฯ เพราะเป็นประธาน คพช. สอง รมต.พลังงานฯ เป็นประธาน กบง.คนที่สาม คือกระทรวงการคลังฯ เพราะถือหุ้นใหญ่ในรัฐวิสาหกิจ และถือทรัพย์สินท่อก๊าซบางส่วน เป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่ 3 อำนาจเห็นพ้องกัน ส่วนใหญ่จะไม่พ้อง จึงทำงานยากมาก
  • พรรคพลังประชารัฐมีรัฐมนตรีพลังงานช่วงเวลาสั้น ๆ คือปีแรก หลังจากนั้นนายกฯเลือกเอง เราไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย ดังนั้นหลายคนติติงเรา
  • ขอฝากเสนอแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ 2518 เพราะเอื้อต่อการนั่งควบระหว่างราชการและเอกชน ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน เอกชนที่มีราชการนั่งจะเอาเปรียบเอกชนอื่น ๆ เกิดความลำเอียงทางนโยบายได้

3.พรรคเพื่อไทย นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ สส.เชียงใหม่

  1. เรื่องความเชื่อมั่นต่อนโยบายที่หาเสียงไว้ ต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับมา ต้องผลักดันเศรษฐกิจให้เดินหน้า โดยลดค่าใช้จ่ายของครัวเรือน ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม โดยมี mechanic แล้วเพื่อทำให้ค่าไฟฟ้าต่ำกว่าที่ผู้บริโภค ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมตั้งไว้ ค่าไฟสูงจะกระทบการลงทุนหนีไปเวียตนามที่ค่าไฟต่ำกว่า เพราะเขาใช้พลังงานถ่านหินทำให้ราคาไฟต่ำ ดังนั้นจะรักษาสมดุลอย่างไร คือสามารถแข่งขันได้
  2. เรื่องที่จะทำ 4 เดือนแรก พูดอีกครั้งคือ
  3. Affordability จะทำให้ค่าไฟลดลงแน่นอน
  4. ระยะต่อไป จะบริหารจัดการค่าก๊าซ รวมเรื่อง Net-metering Utility Green เพื่อเตรียมตัวภาคส่งออกกับ CBAM
  5. ต้นปี จะต้องเปลี่ยนจาก Euro 4ไป Euro 5 ทั้งภาคอุตสาหกรรม น้ำมัน รถยนต์ ภาคประชาชนด้วย
  6. การใช้โซลาเซลล์เพื่อลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ เพราะปลายปีค่าก๊าซขึ้นเพราะเป็นช่วงอากาศหนาวของต่างประเทศ
  7. เรื่องค่าไฟ ปกติจะซื้อล่วงหน้า แต่บ้านเราไม่เซ็นสัญญาที่ล็อกสัญญาค่าไฟไว้ เช่น ตอนนี้ค่าก๊าซถูก ปัจจุบันยังเป็นเรื่องหลุมดำ
  8. เรื่องความมั่นคงพลังงาน และยั่งยืน เป็นงานระยะกลาง และระยะยาว ต้องดูแล upgrade การใช้ smart meter และ smart grid เพื่อให้พร้อมการเปิดไฟฟ้าเสรี
  9. ขอฝากประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิด เรื่องการเปิดเสรีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ กำลังอยู่ในวาระ 2 คาดว่าจะมีหลุมดำรายใหญ่ที่นำก๊าซเข้า ด้วยตลาดก๊าซธรรมชาติไม่เหมือนตลาดสินค้าอื่น ๆ ที่ซื้อเป็นเรือ ฉะนั้นจึงสามารถไปแอบ bid (เสนอราคา) ข้างนอก อาจจะ manipulate ตลาด เช่น ฮั๊วกัน (รวมหัวกัน) ที่สิงคโปร์ ทำให้ราคารับซื้อแพง แล้วถูกผลักภาระให้ประชาชน
  10. ด้านความมั่นคงพลังงาน งานระยะยาว คือจะรักษาสมดุลราคา และยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีภาคประชาชนช่วยคิด และวิจัยเทคโนโลยี ยอมรับว่า Renewable Energy คนต้องการ แต่ราคายังแพง ของไทยประเมินราคาเฉลี่ย 5.50 บาท จะต้องดึงราคาลงมาอีก ถ่านหิน 1.20 บาท น้ำ 1.80 บาท ก๊าซ 4 บาท เช่น หากเปิดเสรีโซลาเซลล์จะทำให้ราคาต่ำลง การคิดค้น Energy Storage เพื่อเก็บและใช้โซลาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ช่วงตอบคำถามจากห้องประชุม

บุญยืน

  • ฟังแล้วเหมือนจะมีความหวัง แต่ไม่รู้หวังได้เท่าไร ทุกคนรู้ปัญหาหมดแล้ว เอื้อนายทุนง่าย แต่จะแก้ติดอุปสรรคมากมาย
  • “หยุดใจดีบนภาษีของฉัน” หยุดเอาภาษีของประชาชนมาใช้แก้ปัญหาค่าไฟแพง

ศึกษิษฏ์

  • เรื่องกองทุนน้ำมันไม่เข้าใจกลไก คือเก็บภาษีสรรพสามิต 5.90 บาท แล้วเอากองทุนน้ำมันจ่าย 5.60 บาท

กรกสิวัฒน์

  • กองทุนน้ำมันเป็นช่องค้ากำไรของฝ่าย หรือที่พักกำไร

“..แพงปุ๊บ อย่าให้ประชาชนรู้ เราโป่งไปก่อน เอกชนได้เงิน แต่ประชาชนไม่เห็นราคาขยับ แต่หนี้สุมเต็มแสนๆ ล้าน..”

  • กองทุนน้ำมันอยู่ใต้กระทรวงพลังงาน

“..คนนั่งควบ 2 ตำแหน่งทั้งข้าราชการและเอกชน บางช่วงคนเซ็นเป็นข้าราชการแต่นั่งที่ปิโตรเคมี เซ็นตัวก๊าซหุงตุ้มที่ใช้ในปิโตรเคมี เป็นตัวอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายแต่ไม่น่ารัก”

ศึกษิษฏ์

  • มองว่ากองทุนน้ำมัน โดยแนวคิดมีประโยชน์ แต่วิธีใช้ไม่ค่อยมีประโยชน์ คือควรเรานำเข้า 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องทำให้ราคาเสถียร มั่นคงมากกว่านี้ เช่นหากมีสงคราม ราคากระโดดเป็น 5 บาททำให้เจ็บตัวกันทุกคน

ศุภโชติ

  • เสริมว่ามีกองทุนอื่น ๆด้วย เช่น กองทุนอนุรักษ์พลังงาน กองทุนพัฒนาค่าไฟ ควรบังคับให้ทำงานตามวัตถุประสงค์มากกว่านี้

อาทิตย์

  • ฟังแล้วมีความสุขขึ้นเล็กน้อย ทุกคนเข้าใจหมด
  • จึงขอคำสัญญา และรอดู
  • แก้ไข update ตัวเลขพลังงานหมุนเวียน ปัจจุบันพลังงานสะอาดมีเสถียรภาพ และราคาถูกลง ดังนั้นอนาคตไปที่พลังงานสะอาดแน่นอน
  • การอ้างราคาพลังงานถูก ใช้ถ่านหิน 1.20 บาท ใช้ฟอสซิล แต่ไม่คิดเรื่องต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่แพงมหาศาล ดังนั้นขอให้รีบ ลด ปลดฟอสซิลให้เร็วที่สุด
  • ย้ำว่า แถลงการณ์ 5 ข้อมาจากการระดมสมองนานมาก ตรวจปรับหลายครั้งเพื่อได้เนื้อหากระชับที่สุด เชื่อมั่นว่าสามารถปฏิบัติได้จริงทุกข้อ โดยเฉพาะเรื่องการหยุดลงนามสัญญารับซื้อไฟฟ้า (PPA) จากโครงการขนาดใหญ่

ศึกษิษฏ์

  • เลือกสัญญารับซื้อไฟฟ้า (PPA) ตัวที่ทำให้ cost ต่ำลง แม้ว่าอาจจะยังสูงในปัจจุบัน แต่ทำให้ค่าลดลงในอนาคต

กรกสิวัฒน์

  • อธิบายเพิ่ม เรื่องเสนอยกเลิกกองทุนน้ำมัน คือให้มีกองทุนอื่นทดแทน สมัยปฏิวัติ ได้เสนอในกรรมาธิการใช้ ระบบแบ่งปันผลผลิต เพราะได้ปิโตรเลียมสำรองจริงๆ ไม่ต้องมาเรียกเก็บจากประชาชน แต่รัฐบาลไปยกให้เขา 100 เปอร์เซ็นต์ โดยอ้างว่าแบ่งปันผลผลิต ยกปิโตรเลียมให้เอกชนไปขาย ไม่มีสำรอง ขอเรียกว่า สัมปทานจำแลง

ศุภโชติ

  • เสริมว่าไม่จำเป็นต้องมี PPA ของ Renewable Energy เช่น ในต่างประเทศใช้ Auction Mechanism ให้เอกชนคำนวน rate ที่รับได้เท่าไร รัฐไม่ต้องกำหนดราคา จะทำให้เกิดการแข่งขันมาก และได้ราคาถูกตามมา

ปริเยศ

  • เชื่อว่าสภาฯ ชุดใหม่จะขับเคลื่อนกฎหมายโดยภาคประชาชนมากขึ้น และพรรคก้าวไกลได้ทำ tracking กฎหมาย

ศุกกิจ เครือข่ายขับเคลื่อนค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม

  • ปัญหาใหญ่ คือ ต้องเปลี่ยนไปสู่ระบบแข่งขัน และโปร่งใส เพื่อแก้ปัญหา PDP และข้อมูลพลังงานเป็นหลุมดำ  
  • จริงหรือไม่ พลังงานหมุนเวียน ราคา 2.80 บาท (คุณอาทิตย์) พลังงานหมุนเวียนจากน้ำเสียหลายล้านลิตร (คุณอธิราษฎร์ น้ำเสีย 1 ตันผลิตไฟฟ้าได้ 2 ยูนิต) มีคำถามคือ การเปลี่ยนน้ำเสียจากปาล์มเป็นพลังงานสีเขียวมีมูลค่ามากเท่าไร ระบบสะท้อนสิ่งนั้นหรือไม่
  • ล่าสุดสัญญา PPA เขื่อนใหม่ในประเทศลาว ราคา 2.70-2.90 บาท เป็นราคาสูง
  • ก๊าซแพงกว่า Grid Parity ไปแล้ว LNG ราคาหน่วยละ 10-12 บาท เพราะว่านำเข้าเสรี ไม่ให้สังคมรับรู้ จึงเป็นอีกข้อมูลหลุมดำ
  • โรงไฟฟ้าถ่านหิน ราคาเริ่ม 1.20 บาท ต้องเจาะข้อมูลเพิ่มอีก ถ่านหินใหม่ โรงไฟฟ้าแม่เมาะสร้างใหม่ ใช้ลิกไนต์ในประเทศจะต้องไป CBAM ชดเชยเท่าไร
  • การใช้พลังงานจากโซลาเซลล์ และน้ำเสียในประเทศ มีความเสี่ยงน้อยกว่า การลงทุนพลังงานนำเข้า ระยะ 20-30 ปี เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหิน
  • เป็นห่วง หากกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรี จะออก PDP ใหม่ใน 2 เดือนหน้าทันที เสนอว่ายังไม่รีบลงนามโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ PPA และมีกระบวนการรับฟัง PDP

(ชาย ไม่บอกชื่อ)

  • ต้องล้างบางมรดกบาบของระบบ คสช. 2 กรณี กรณี ปตท. ลักลอบขุดน้ำมันใน สปก.ศาลปกครองสั่งระงับ แต่ไม่เอาผิด ไม่เรียกค่าเสียหาย นายกฯ ใช้คำสั่ง คสช.ม.44 แก้กฎหมายให้ ปตท.ขุดน้ำมันได้ และกรณี ปตท.และเครือข่าย เลี่ยงภาษีส่งออก และนำเข้าน้ำมัน ไม่มีความผิด ทำให้เรารู้ว่าน้ำมันมาจากอ่าวไทยร้อยเปอร์เซ็นต์
  • ฝากพรรคการเมืองแก้ไข ระบบสัมปทานจำแลง และแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม เดิมรัฐจัดเก็บ 50 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลทำเพื่อนายทุน

“รัฐสูญเสียรายได้ปีละแสนล้าน ผู้รับสัมปทานรวยขึ้น คนหน้าเหลี่ยม ๆยิ้มหวาน จากการที่ประยุทธ์สวมตอ..”

ไพลิน อินเตอร์เนชั่นแนล ริเวอร์

  • ด้วยแม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำนานาชาติ แต่โครงการเขื่อนพลังงานน้ำ ถูก promote ว่าเป็น Renewable Energy และจะซื้อขายข้ามภูมิภาค Asian Power Grid แต่ยังไม่มีการดูแลรับผิดชอบผลกระทบข้ามพรมแดน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เช่น การสูญเสียของชุมชนต่าง ๆ ไม่มีการศึกษา Energy cost จึงสรุปว่าเป็นพลังงานราคาถูก 2.90 บาท จึงขอเรียกร้องทุกพรรคการเมือง และรัฐบาลทบทวนนโยบายเขื่อนบนแม่น้ำโขง
  • ในฐานะประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า ขอให้เปิดเผยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของทุกโครงการ ที่ผ่านมาขอสัญญาเขื่อนไซยะบุรี แต่ กฟผ.ไม่เปิดเผย อ้างว่าต้องขอจากโรงไฟฟ้าฯ บริษัทคู่ค้า

ฉัตรมงคล กิ่งทอง ภาคประชาชน

  • ใช้ไฟเท่าเดิม แต่ค่าไฟแพงขึ้นเท่าตัว
  • งานวิจัยถูกซื้อเอื้อเฟื้อภาคธุรกิจ บัณฑิตจบมารับใช้นายทุน

ธีรชัย คณะทำงานติดตามความรับผิดชอบการลงทุนไทยข้ามพรมแดน

  • เรื่องก๊าซจากพม่า ไทยจ่ายค่าก๊าซพม่าเข้ากระเป๋ากองทัพพม่าไปซื้ออาวุธมาทำลายประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาล เสนอว่า ไฟที่ได้มาต้องแฟร์ด้วย ต้องคำนึงต้นทุนต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ราคา ควรดูให้ครบห่วงโซ่อุปทาน

อ.ชล สรุปจาก Floor

  • ข้อมูลพลังงานเป็นหลุมดำ เช่น การเข้าถึงสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
  • นายกฯ เอื้อนายทุน
  • เขื่อนในลาว สร้างผลกระทบข้ามพรมแดน โดยไม่ศึกษา และรับผิดชอบด้าน Livelihood และ Ecosystem
  • ภาควิชาการ รวมทั้งมหาวิทยาลัยทำงานวิจัยตอบความต้องการของกลุ่มทุน ไม่ตอบความต้องการสังคม
  • ไทยซื้อก๊าซจากพม่าเป็นส่วนหนึ่งของการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ปริเยศ

  • เรื่องข้อมูลพลังงานเป็นหลุมดำ ผมฟ้องที่ศาลอาญาทุจริตกลาง ศาลฯ นัด 16 มิถุนายน 2566 สั่งให้หน่วยงานชี้แจง คือ สนพ.ก.พลังงาน กกพ.กฟผ. สรุปสั้นๆ (อ่านจากข่าวได้) เรื่อง PDP 2018 การคาดการณ์ความต้องการไฟฟ้าสูงในปี 2018 เรื่องกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงเกินความต้องการ การอนุมัติก่อสร้างโรงไฟฟ้าฯ เป็นต้น พรรคไทยสร้างไทย หวังว่าข้อมูลที่ได้รับจะมีประโยชน์กับประชาชน และทำหน้าที่ตามที่หาเสียงไว้

ศุภโชติ

  • สนับสนุนการเปิดเผยข้อมูล เช่น เรื่องการคำนวนค่าไฟ และสัญญาซื้อขายไฟ มีข้อกฎหมายกำหนดการคิดค่าไฟ แต่ คปพ.ไม่ทำตาม
  • เรื่องเขื่อน ในต่างประเทศ มีการคำนวนค่าไฟโดยรวมต้นทุน เช่น Water Values ของภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ภาคสาธารณูปโภค และเกษตรกรรม เสนอว่าไม่ควรมีการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนอีก แต่ควรผลักดัน Pump Storage ท้ายเขื่อน
  • เรื่องเอื้อนายทุนพลังงาน และการให้สัมปทานโดยไม่เปิดเผยวิธีการ ต้องหา mechanism ใหม่ ๆ ทดแทนการให้สัมปทาน เช่น เปิดตลาดพลังงานเสรี

กรกสิวัฒน์

  • เสนอว่าต้องเปิดเผยข้อมูล สัญญา และ TOR รวมทั้งมีประชาพิจารณ์ TOR เช่น ข้อสงสัยเรื่องเกณฑ์ และกระบวนการคัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้า
  • เรื่องใหญ่ คือปัญหาทุนครอบงำนโยบายแห่งรัฐ มีการกำหนดนโยบายผ่านบุคคลต่าง ๆ เช่น คนๆหนึ่งเป็นทั้งข้าราชการ และบอร์ดหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจจะทำให้เกิดความลำเอียง หรือไม่เป็นกลางทางวิชาการ

ศึกษิษฏ์

  • เรื่องค่าไฟไม่แฟร์ และข้อมูลเป็นหลุมดำ เพราะปัจจุบัน กฟผ.เปิดเผย base price แต่ไม่เปิดเผยวิธีการคำนวนต้นทุน
  • เรื่องเขื่อน พลังงานน้ำ ไม่เห็นด้วย เสนอให้ปรับปรุง Exiting Infrastructure ที่มีแล้วให้ดีขึ้น เช่น Pump Storage Facility เพื่อใช้ประโยชน์ให้มีประสิทธิภาพมากสุด
  • เรื่องซื้อไฟฟ้าจากพม่า เป็น Geo-politics ที่ซับซ้อน ทางออกคือตั้งบัญชีที่สามกำหนดว่า

“..รัฐบาลพม่าเข้าไม่ได้ เอาไว้ใช้ซื้ออาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม เท่านั้น เงินตัวนี้กันออกไปเลย ซึ่งต้องใช้การเจรจา หากเราไม่เข้าไปใช้ประโยชน์จากตรงนั้น จีนก็เข้าไป เราก็ต้องรับซื้อพลังงานจากคนกลางอีกทอด…”

  • เรื่องการศึกษาถูกนายทุนครอบงำ ต้องพึ่งพาภาคประชาชนช่วยกันแบ่งปันความรู้ออกไปกว้างขวาง
  • นโยบายพรรค เรื่อง Digital Government เพื่อจะเอาข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐมาใช้ประโยชน์ได้

อ.ชล สรุปจาก Floor

  • วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และต่อเนื่องไปในอนาคต เพราะเห็นความร่วมมือของภาคการเมืองกับประชาชนต่อการผลักดันเรื่องค่าไฟให้แฟร์ ภาคนโยบายต้องการเสียงภาคประชาชนหนุนเสริม ส่วนภาคประชาชนต้องการเข้าถึงกลไกนโยบายเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลง

อ.ชาลี กล่าวขอบคุณ และสรุป

  • ในฐานะตัวแทนคณะผู้จัด ขอขอบคุณตัวแทนพรรคการเมืองทุกท่าน การคุยกันวันนี้เหมือนเป็นการคุยของภาคประชาชนทั้งหมด นับเป็นนิมิตหมายที่ดี ด้วยวันนี้มีภาคประชาสังคม ภาคการเมือง ภาคเอกชน และประชาชนร่วมมือกันในการเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความเป็นธรรม โดยหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจริงในระยะเวลาอันสั้น ขอบพระคุณทุกท่าน

จบการแถลงข่าว

15.15 น.

_____________________

จดหมายเปิดผนึกร่วมกันของภาคเอกชน ประชาสังคม และประชาชน
5 ข้อเสนอต่อนโยบายพลังงาน เพื่อค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรมและสร้าง และความยั่งยืน
10 สิงหาคม 2566

กลไกค่าไฟฟ้าตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา มีความไม่เป็นธรรมหลายประการต่อผู้ใช้ไฟฟ้า เช่น การลงนามสัญณารับซื้อไฟฟ้าที่ไม่โปร่งใส การวางแผนกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ไม่เหมาะสม และการกำหนดราคาก๊าซธรรมชาติที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งนอกจากจะเพิ่มค่าครองชีพของประชาชน โดยตรงแล้ว ยังสร้างปัญหาต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

บุคคล องค์กร และเครือข่ายต่างๆ ที่ลงนามในจดหมายฉบับนี้ จึงมีข้อเสนอต่อนโยบายพลังงานของรัฐบาลใหม่ เพื่อค่าไฟฟ้าที่ถูกลง เป็นธรรม เป็นประชาธิปไตย และสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมไทย ดังนี้

  1. หยุดลงนามสัญญารับซื้อไฟฟ้า (PPA) จากโครงการขนาดใหญ่แห่งใหม่ทุกโครงการ ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่จากประเทศเพื่อนบ้าน และโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพื่อหยุดการนำภาคธุรกิจและภาคประชาชนไปแบกรับภาระในแต่ละสัญญาที่ผูกมัดยาวนาน 25 – 35 ปี จนกว่าโรงไฟฟ้าจำนวนมากที่มีอยู่แล้วแต่ไม่จำเป็นต้องเดินเครื่อง จะลดลงสู่ระดับที่เป็นมาตรฐานนานาชาติ แล้วจึงนำกลับมาให้รัฐบาลพิจารณา
  • เร่งเดินหน้านโยบาย Net-metering หรือระบบหักลบหน่วยไฟฟ้า กับพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ บนหลักการที่เสรี เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายครอบคลุมทั้งประเทศ ได้แก่ การส่งไฟฟ้าไป-มากับระบบสายส่งได้ไม่จำกัด โดยหน่วยไฟฟ้าที่ไม่เกินการใช้เองในแต่ละเดือน มีราคาเดียวกับที่การไฟฟ้าจำหน่ายให้ ส่วนไฟฟ้าที่เหลือจากการใช้เองในแต่ละเดือนมีราคาเดียวกับราคาไฟฟ้าขายส่ง และหากผู้ใช้ไฟฟ้ารายใดเข้าเกณฑ์ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องบันทึกการซื้อกับการขายไฟฟ้าแยกออกจากกัน ทั้งนี้ 3 การไฟฟ้าฯ จำเป็นต้องแสดงประโยชน์ของไฟฟ้าจากระบบ Net-metering ในการลดต้นทุนหน่วยสุดท้ายของระบบไฟฟ้าของประเทศ และต้องจัดการระบบสายส่ง ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อสิทธิของธุรกิจและประชาชนในการผลิตจัดการ และขายไฟฟ้าส่วนที่เหลือเข้าระบบ รวมทั้ง ต้องเร่งปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนา การผลิต และการใช้พลังงานหมุนเวียน
  •  เปิดรับฝังความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวาง โปร่งใสตรวจสอบได้ ต่อร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) และร่างแผนพลังงานอื่นๆ ได้แก่ แผนพลังงานหมุนเวียน, แผนประสิทธิภาพพลังงาน, แผนก๊าซธรรมชาติ, และแผนน้ำมัน แล้วจึงจะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาและตัดสินใจของรัฐบาลต่อไป โดยกระทรวงพลังงาน จำเป็นต้องให้ข้อมูลในรายละเอียดอย่างครบถ้วน และเข้าถึงได้ง่าย โดยมีระยะเวลาที่เหมาะสมก่อนการรับฝังความคิดเห็น และนำผลของการรับฟังความคิดเห็น เข้าสู่กระบวนการพิจารณาและตัดสินใจของรัฐบาลอย่างครบถ้วนสมเหตุสมผล และทวนสอบได้
  • พัฒนาระบบซื้อ-ขายส่งไฟฟ้า ที่สร้างการแข่งขันที่เป็นธรรมสำหรับการผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าภายใต้การกำกับดูแลของรัฐอย่างเหมาะสม ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องมีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ (PPA)กับภาครัฐอีกต่อไป โดยดำเนินการควบคู่กับการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเดิมที่ลงนามไปแล้ว เพื่อลดภาระค่าความพร้อมจ่าย (AP หรือ CP) ภาระไม่ใช้ก็ต้องจ่าย (Take-or-Pay) และอัตรากำไร (IRR) ของโรงไฟฟ้าเอกชนที่สูงเกินควร บนหลักการที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าที่ไม่เป็นธรรมต่อภาคธุรกิจและภาคประชาชน
  • นำต้นทุนก๊าชธรรมชาติจากแหล่งก๊าซที่มีราคาถูกกว่า ได้แก่ ก๊าซอ่าวไทยและก๊าชจากพม่า ไปคิดเป็นต้นทุนการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากเป็นบริการสาธารณะ แล้วนำต้นทุนก๊าซที่มีราคาแพงกว่า ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) นำเข้าที่อิงราคาตลาดโลก ไปคิดเป็นต้นทุนสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ บุคคล องค์กร และเครือข่ายต่างๆ ที่ลงนามในจดหมายฉบับนี้ จะร่วมสนับสนุนและ ติดตามการดำเนินงานของรัฐบาลตามข้อเสนอทั้ง 5 ข้ออย่างต่อเนื่องต่อไป
Share Post :
Scroll to Top