ความขัดแย้งพื้นฐานอันเป็นที่มาของสงครามกลางเมืองครั้งนั้นคือพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน มลรัฐทางภาคเหนือกำลังพัฒนาอุตสาหกรรม ต้องการแรงงานอิสระ ส่วนมลรัฐทางใต้ยังเป็นเกษตรกรรมที่ต้องการแรงงานทาส ฝ่ายแรกต้องการเลิกทาส ส่วนฝ่ายหลังไม่ยอม ในที่สุด 11 มลรัฐทางใต้ที่มีทาสมากมายจึงประกาศแยกตัวจากประเทศสหรัฐอเมริกา (United States of America : USA) หรือ Union ตั้งตัวเป็นประเทศใหม่เรียกตนว่า Confederation States of America : CSA หรือเรียกกันว่าพวก Confederacyโดยมี Jefferson Davis เป็นประธานาธิบดีซ้อนขึ้นมาและมี Robert E.Lee เป็นผู้บัญชาการกองทัพ
ด้าน Abraham Lincoln ประธานาธิบดีตัวจริงของ USAซึ่งขณะนั้นเพิ่งเข้ารับตำแหน่งหมาดๆ ออกประกาศว่ารัฐฝ่ายใต้ก่อกบฏ จึงระดมอาสาสมัครจากทุกมลรัฐเข้าร่วมกองทัพไปปราบปราม จุดเริ่มของสงครามเกิดขึ้นเมื่อกองทัพ CSA โจมตีทหารของ USAที่ Fort Sumtre , South Calorina วันที่ 12 เมษายน 1861. การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ฝ่ายใต้ พยายามดึงพันธมิตรต่างประเทศคือ อังกฤษกับฝรั่งเศสเข้าร่วม ฝ่ายยูเนียน ตีกันด้วยการประกาศเป้าหมายในการเลิกระบบทาสซึ่งเป็นประเด็นที่ก้าวหน้ากว่า และใช้แผนยุทธการ Anaconda Plan โอบรัดเมืองท่าฝั่งแอตแลนติค ทำให้เศรษฐกิจของฝ่ายใต้ ชะงักงันและตีกระหนาบจากทางตะวันตกและทางเหนือจนสิ้นฤทธิ์ สุดท้าย Lee ยอมแพ้ที่ Appomattox Court House เมื่อวันที่ 9 เมษายน 1865
สงครามกลางเมืองสิ้นสุดลงในสภาพที่ Union และมลรัฐฝ่ายเหนือชนะ ส่วน CSA เป็นผู้แพ้อย่างราบคาบ.
ในด้านการลงโทษผู้แพ้ทหารฝ่ายใต้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกตัดสินประหารชีวิตคือกัปตัน Henry Wirtz ผู้บัญชาการเรือนจำ Anderson Ville นอกนั้นทหารทั่วไปเพียงแค่กล่าวคำสัตย์สาบานแบบเข้มข้น ก็ได้รับอภัยโทษส่งกลับบ้าน กลับเข้าทำงานได้และมีสิทธิทางการเมืองเหมือนเดิม นอกจากนั้นนายทหารยังได้คนของตนเป็นของแถมกลับไปอีกด้วย
ส่วนผู้นำ CSA ด้านพลเรือน ถูกจับตัวทั้งหมด คุมตัวอยู่ 2-3 เดือนก็ถูกปล่อยออกมาโดยไม่ดำเนินคดี แต่ต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองและไม่ได้กลับเข้าทำงาน ต่อมาปี 1872 จึงได้รับการอภัยโทษทั้งหมด มีเพียงคนเดียวคือ Jefferson Davis ซึ่งตั้งตนเป็นประธานาธิบดีของ CSA ถูกตัดสินจำคุก2 ปี และไม่นานก็ได้รับอิสรภาพ