ตอนที่ 8 ประเมินสภาพ กำหนดยุทธศาสตร์
เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการเยี่ยมหน่วยงานเป็นรายกรม รายสำนักงานเพื่อทำความรู้จักคณะผู้บริหารและข้าราชการ ตลอดจนไปค้นหาศักยภาพของแต่ละหน่วย ค้นหาคำตอบว่างานสำคัญหนึ่งเดียวที่เขาอยากทำที่สุดใน 1 ปี ร่วมกับทีม รมว.คืองานอะไร
เริ่มจากสำนักงานปลัดกระทรวง พม. (พม.) นำโดยท่านปลัดกระทรวงคุณวัลลภ พลอยทับทิม, รองปลัดชาญยุทธ์, รองปลัดกานดา, ผอ.สุวินัย (สน.มาตรฐาน), ผอ.ระรินทร์ทิพย์ (สนย.), ผอ.ปันนัดดา (กอง ปชส.) ฯลฯ
บ่ายมาที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) นำโดย อธิบดี พนิตา กำภู ณ อยุธยา ที่นี่ ผู้บริหารมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น เป็นหน่วยงานที่มีกำลังคนและงบประมาณมากที่สุดในแต่ละปี (ไม่นับรวม กคช.ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ) หน่วยงานนี้เป็นรากฐานของกระทรวง พม. ซึ่งก็คือ กรมประชาสงเคราะห์เก่านั่นเอง ที่ตั้งกระทรวงในปัจจุบันนี้ก็ใช้บริเวณกรมประชาสงเคราะห์เก่านี่แหละ
16-17 ต.ค. เป็นงานประจำปี (สัมมนาวิชาการ) เครือข่ายเมืองน่าอยู่ ซึ่งจัดมาเป็นปีที่ 3 แล้ว เวทีวิชาการประจำปี ของเครือข่ายHealthy City (HC) นี้เป็นเวทีที่รวมเอาคนที่ทำงาน HC – เมืองน่าอยู่ ชุมชนน่าอยู่ทั่วประเทศมาพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ระดมความคิดและเคลื่อนไหวสาธารณะร่วมกัน
เรามีโครงการประสานการขับเคลื่อนเมืองน่าอยู่ ซึ่ง สสส.ให้การสนับสนุนปีละ 10 ล้านบาท ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี มูลนิธิพัฒนาไท และ LDI เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการบริหารจัดการ สศช. (สภาพัฒนาฯ) เป็นองค์กรภาคี เช่นเดียวกับสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และกรมอนามัย กรมควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
โครงการ HC ทำงานมา 2 ปี กิจกรรมหลักได้แก่ การพัฒนาตัวชี้วัด การเก็บข้อมูลเมืองตามดัชนีชี้วัด และประเมินสภานภาพเมืองน่าอยู่ทั่วประเทศ จัดทำเป็นรายงานสภาวะเมืองน่าอยู่ประจำปีทุกปี เพื่อประกาศผลการจัดอันดับความน่าอยู่ของเมือง นอกจากนั้นยังมีงานค้นหากรณีศึกษาที่เป็น Best Practices ด้านต่าง ๆ ถอดบทเรียนและสังเคราะห์ความรู้ จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระดับภาคและระดับชาติ อย่างต่อเนื่อง
ในการประเมินความน่าอยู่ของเมือง โครงการได้แบ่งเป็น 5 มิติ ได้แก่ เมืองปลอดภัย เมืองสะอาด เมืองคุณภาพชีวิต เมืองธรรมาภิบาล และเมืองวัฒนธรรม
LDI จัดอันดับ ความน่าอยู่ของเมืองทั่วประเทศ (Ranking) โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเมืองขนาดเล็ก (เทศบาลตำบล) กลุ่มเมืองขนาดกลาง (เทศบาลเมือง) และกลุ่มเมืองขนาดใหญ่ (เทศบาลนคร)
ปีแรกที่ LDI จัดอันดับและประกาศสู่สาธารณะ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการอยู่บ้าง แต่ปีที่ 2 เริ่มมีการยอมรับอย่างกว้างขวาง ประชาคมเมืองน่าอยู่เริ่มเข้าใจและเห็นคุณค่าของงานวิจัยประเมินความน่าอยู่ของเมืองมากขึ้นแล้ว
ปีที่ 2 LDI สำรวจข้อมูลจาก 22 เทศบาลนคร, 107 เทศบาลเมือง และ 203 เทศบาลตำบล
ในเวทีครั้งนี้ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาล (คุณวิจัย อมราลิขิต) มาร่วมอภิปรายด้วยตนเอง, มีนายก อบจ.บุรีรัมย์มาด้วย, มีผู้อำนวยการศูนย์บริหารยุทธศาสตร์เมืองไทยแข็งแรง (ศอม.), มีเลขาธิการ สศช. (คุณกิติศักดิ์) มาด้วย งานปีนี้คึกคักมาก
ท้ายการประชุม เขามีพิธีการ “ประกาศเจตนารมณ์” เครือข่ายเมืองน่าอยู่แห่งชาติ” เป็นครั้งแรก ซึ่งก็เท่ากับว่า ณ บัดนี้ได้มีการสถาปนาความเคลื่อนไหวอย่างเป็นขบวนการแล้ว
18 ต.ค. ไปเยี่ยมการเคหะแห่งชาติ สำนักงานใหญ่อยู่ที่เคหะคลองจั่น ที่นี่เป็นที่ทำงานเดิมของพี่ปรีดา และพี่มณี(พี่ภรรยา) วณีเองก็เคยอาศัยอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ที่นี่ด้วย
การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เป็นรัฐวิสาหกิจของกระทรวง พม. หนึ่งเดียวที่กำลังมีเรื่องร้อนมาก ๆ ให้ต้องดูแล คือ โครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่ง คตส. กำลังคุ้ยปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเข้มข้น
ระหว่างเดินชมบริเวณสำนักงานใหญ่และบ้านตัวอย่างโครงการ “เอื้ออาทร” มีเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2-3 คน ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับผู้บริหารชุดเดิมมากระซิบข้อมูล เพราะพวกเขารู้ว่าทีม รมว. ชุดนี้มือสะอาด และน่าจะช่วยองค์กรของเขาได้
กคช. คือหนังบู๊ แอ๊คชั่น และเรื่องยาว ที่ต้องดูแลกันจริงจัง
19 ต.ค. ไปเยี่ยมสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และ สำนักงานพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ และคนพิการ (สท.) ก่อนที่ผมจะแยกตัวไปประชุมกับ สปสช. เรื่องงานโครงการกองทุนสุขภาพตำบลที่ LDI รับผิดชอบค้างอยู่ ปล่อยให้ทีมงานไปเยี่ยมสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กันตามลำพัง
20 ต.ค. ทานข้าวกลางวันกับ ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และคุณสนธิญาณ หนูแก้ว ท่านจิรายุเป็นผู้นัด เพราะอยากคุยด้วยเกี่ยวกับเรื่องงานเศรษฐกิจพอเพียงที่ท่านเป็นประธานอนุกรรมการของ สศช.อยู่
ท่านจิรายุได้ฟัง idea เรื่องการสำรวจครอบครัวเศรษฐกิจพอเพียงโดยใช้กองทุนหมู่บ้าน 75,000 แห่ง ที่ผมนำเสนอ ดูท่านตื่นเต้นมาก
21 ต.ค. อาจารย์ประเวศ ลงทุนนัดทีม รมว. พม. และทีม มสช. มาตามเรื่องยุทธศาสตร์สังคมที่มอบการบ้านไว้ให้ วันนั้นวันเสาร์ตั้งแต่เช้า อ.ประเวศท่านคึกคักมาก ท่านนำเสนอ 3 ยุทธศาสตร์สังคม คือ สังคมที่ไม่ทอดทิ้งกัน สังคมเข้มแข็ง และสังคมคุณธรรม โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นให้แก่พวกเราพอสมควร
เราระดมความคิดกันต่อ จนได้กรอบความคิดที่มากพอแล้ว ผมถามพี่เอนกว่า เรา 2 คน ใครสักคนต้องทำหน้าที่เรียบเรียงเป็นเอกสาร สำหรับขับเคลื่อนงาน พี่เอนกรับปากว่าจะทำให้เอง
22 ต.ค. ไปพิษณุโลกเพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาสี่แยกอินโดจีน ซึ่งมีการประชุมกันทุกเดือน
ปัญหาสำคัญของสถาบันนี้คือ ขาดงบประมาณ เพราะมีโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากแหล่งทุนน้อยมากจนต้องใช้เงินสำรองขององค์กร ทำให้ร่อยหรอลงไปทุกขณะ
พวกเขายังไม่แข็งแรงพอ คงต้องช่วยประคับประคองกันไปอีกพักใหญ่ทีเดียว
ผมแอบหวังในใจว่างานของกระทรวง พม.น่าจะช่วยเพิ่มโอกาสแก่ สพอ.มากขึ้นกว่าเดิม
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป
22 ตุลาคม 2549