กิจกรรม "รวมพลคนท้องถิ่น..เมืองกาญจน์"
เมื่อวันที่ 22-23 กันยายน 2547 ที่ วังสิงห์รีสอร์ท จ.กาญจนบุรี….”เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ได้มีโอกาสประชุมร่วมกับคนปกติ เราเคยที่ประชุมร่วมกับผู้พิการในชมรมของเรา เพราะเรารู้สึกว่าสังคมยังไม่เปิดโอกาสให้ผู้พิการได้แสดงออกมากนัก”
รวมพลคนท้องถิ่น..เมืองกาญจน์ |
||
“ เมื่อมาถึงที่ประชุมรู้สึกแปลก ๆ เพราะคนที่เข้าร่วมเป็นคนปกติ ไม่ใช่คนพิการอย่างเรา เรามองหน้ากันเอ๊ะ มาผิดงานหรือเปล่า” นั่นคือเสียงสะท้อนจากความรู้สึกพี่พะเยาว์และน้องนัธพลสมาชิกชมรมคนพิการทุกประเภทจังหวัดกาญจนบุรีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการรวมพลคนท้องถิ่นเพื่อจัดการประเด็นสาธารณะกาญจนบุรีซึ่งจัดขึ้นโดยโครงการวิจัยและพัฒนาชีวิตสาธารณะ กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 22-23 กันยายน 2547 ณ วังสิงห์รีสอร์ท จ.กาญจนบุรี “เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ได้มีโอกาสประชุมร่วมกับคนปกติ เราเคยที่ประชุมร่วมกับผู้พิการในชมรมของเรา เพราะเรารู้สึกว่าสังคมยังไม่เปิดโอกาสให้ผู้พิการได้แสดงออกมากนัก” พี่พะเยาว์ สาวแสง สาวพิการทางขา อายุ 33 ปี เล่าให้ฟังว่าจริง ๆ เธอไม่ได้พิการมาแต่กำเนิด แต่เกิดจากการรักษาของทางโรงพยาบาลที่เธอไม่อยากเอ่ยชื่อเมื่อ 31 ปีที่แล้ว การที่เธอได้มีโอกาสมาร่วมสัมมนากับโครงการชีวิตสาธารณะฯ ได้แสดงความคิดเห็น ได้ร่วมพูดคุยกับคนปกติอย่างเท่าเทียม และที่สำคัญที่สุดคือการเอาใจใส่และช่วยเหลือจากผู้เข้าร่วมสัมมนา ทำให้เธอรู้สึกว่าสังคมยังไม่ทอดทิ้งและเปิดโอกาสให้คนพิการเช่นเธอมีที่ยืนในสังคม |
||
|
||
“การจัดงานครั้งนี้เป็นมีวัตถุประสงค์หลัก ๆ อยู่ 2 ประการ คือ ประการแรก เป็นการชี้แจง ทำความเข้าใจกับทีมปฏิบัติการและภาคีเครือข่ายที่จะร่วมกับขับเคลื่อนงานชีวิตสาธารณะในปีที่สอง ซึ่งที่แล้วเราทำงานไปกันเรียนรู้กันไป ทิศทางและเป้าหมายยังไม่ชัดเจน และการประสานงานกับภาคีเครือข่ายมีน้อย ในปีนี้เราจึงต้องมีการประสานงานภาคีต่าง ๆ ให้มากขึ้น ชมรมคนพิการ ก็เป็นอีกกลุ่มที่เขาทำงานเพื่อสาธารณะอยู่แล้ว ทำอย่างไรที่จะมีการหนุนเสริมซึ่งกันและกันให้ทำงานเพื่อท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น” อ.สิริมา เจริญศรี อาจารย์ จากวิทยาลัยอาชีวศึกษา ผู้ประสานงานโครงการของกาญจนบุรี ได้ฉายภาพของงานให้ทีมงานได้เข้าใจถึงการสัมมนาครั้งนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น |
||
|
||
|
||
และนี่คือเรื่องราวที่เป็นเรื่องของคนเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ของคนเมืองกาญจน์ ที่อยากจะบอกกับสังคมให้ได้รับรู้ว่า ชีวิตสาธารณะของเมืองกาญจน์ก็เข้มข้นไม่แพ้จังหวัดอื่น |